Skip to main content

ข้อแตกต่างระหว่าง Oishi (ใหญ่) กับ Oishi Express

Submitted by ezybzy on

ไม่ได้มาโฆษณาร้านอาหารนะ :) พอดีช่วงนี้มีโอกาส (หาเรื่อง) ได้กินอาหารจากร้านสองร้านนี้ ซึ่งเป็นของใครเราก็คงจะทราบ และก็เป็นร้านที่คล้ายๆ กัน คือเป็นบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่น โดยร้านใหญ่มีแค่ 3 สาขา ส่วนร้านเล็กกระจายไปอยู่ตามศูนย์สรรพสินค้ากว่าสิบแห่ง

อาหารในร้าน ก็คล้ายๆ กัน มีส่วนของข้าวปั้นและซาซิมิและซูชิ (ปลาดิบ), ครัวเทปันยากิ (ย่าง), ครัวอาหารจีน (ผัด ต้ม เผา), โซนอาหารหม้อ, ชาบู, บะหมี่เย็น, ทาโกะยากิ, ติ่มซำ, ผลไม้, ขนมหวาน และเครื่องดื่ม แต่ปริมาณเมนูจะไม่เท่ากัน ร้านใหญ่มีของให้กินเยอะกว่ามากๆ และคุณภาพก็เหมือนจะดีกว่า (นิดหน่อย)

ทำไมจึงกล่าวเช่นนั้นล่ะ ยกตัวอย่าง แค่น้ำพันซ์นี่แหละ (อยากบอกว่าเป็นเครื่องดื่มชนิดเดียวที่ทำให้อยากไปกินมันนะ) ถ้าร้านใหญ่เราจะรู้สึกถึงความเข้มข้นของน้ำ รสเปรี้ยวออกเลย แต่ถ้าลองไปกินร้านเล็ก (รวมถึงชาบูชิ) รู้สึกว่าจืดถนัดตา จืดแบบไม่มีเหตุผลเลย เข้าใจว่าคงเจือน้ำลงไปพอสมควร ชาเขียวที่ให้บริการก็เป็นคนละแบบร้านใหญ่ให้ชารสหวาน (หรือดั้งเดิมนี่แหละ แต่น่าจะหวาน เพราะทานง่าย) แต่ร้านเล็กจะให้ชาข้าว ซึ่งก็ค่อนข้างโอเค ไม่จืดเท่าไร (เพราะจืดอยู่แล้ว ฮาฮา) ส่วนน้ำผลไม้ ร้านใหญ่จะให้น้ำกระเจี๊ยบ ร้านเล็กให้เป็นน้ำลำไย (ช่วยชาติ) แต่เข้าใจว่าคงแล้วแต่สาขา เพราะในอดีตเมื่อปีก่อนเคยไปกินร้านเล็กนอกเมืองก็ได้กินน้ำกระเจี๊ยบในร้านเล็กนะ (ชาบูชิไม่มีน้ำผลไม้ให้)

มาพูดถึงตระกูลซาซิมิและซูชิ ร้านใหญ่จะรู้สึกว่ามันทำออกมาดูน่ากินกว่าร้านเล็กเป็นกองเลย ร้านเล็กมองดูข้าวปั้นแล้วนึกว่าเล่นทำอาหารพ่อแม่ลูกเสียอีก ดูจุ๋มจิ๋มเด็กๆ ยังไงไม่ทราบ ของอื่นๆ ที่มีคล้ายๆ กันก็เช่นกัน ร้านเล็กให้ของกินใส่ในภาชนะที่มีขนาดเล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัด (แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาหรอกมั้ง?)

มาที่ชาบู ร้านเล็กมีของน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด มีหมูมีไก่ แต่ไม่มีตระกูลแล่บางให้ (ไม่อยากกินเลย อยากกินบางๆ) เทปันก็ของค่อนข้างน้อยกว่า พวกเนื้อสัตว์ปรุงอย่างเกาหลีไม่มีให้ (แต่ผมชอบเห็ดเข็มทอง) ไม่เป็นไร

แล้วก็เรื่องเวลาการรับประทานซึ่งผมเห็นว่าไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไร เพราะเอาเข้าจริงๆ ด้วยประสาทกับสารต่างๆ ในสมอง ทำให้ระยะวลาประมาณ 30 นาทีหลังจากการรับประทานเราจะเริ่มอิ่มแล้ว ดังนั้นด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที หรือรอบละ 3 ชั่วโมง ก็ไม่ค่อยเห็นความแตกต่าง เพราะคงยัดได้ไม่กี่น้ำหรอก เผลอๆ จะรู้สึกวิตกจริตไปเองว่ากินไม่คุ้มเครียดหนักเลย

บทสรุป ถ้าคุณอยากกินอะไรหลากหลาย ไปร้านใหญ่เถอะครับ ตอบโจทย์ดีกว่ากันเห็นๆ แต่ถ้าอยากกินไวไว ไม่คิดอะไรมากมีให้กินก็บุญแล้ว ฯลฯ ก็ไปกินร้านเล็ก ราคาก็ย่อมเยาตามจำนวนของอาหารที่มีให้บริการ แต่ผมเห็นว่าถ้าจะกินบุฟเฟ่ต์ให้คุ้มจริงๆ เตรียมท้องให้ว่างก่อนก็ดีครับ โดนตัดกำลังแล้วมันไม่สนุกในการกิน/ในการเดิน

Kamui Shirou (not verified)

อยากกินที่เป็นญี่ปุ่นจริงๆทำไมไม่ไปลอง swiss hotel ชั้น 2 ล่ะ ชื่อร้าน TAKUMI แล้วจะรู้สึกว่าไม่อยากกิน Oishi (ที่แปลว่าอร่อย แต่อาจจะน้อยกว่า) อีกเลย

Thu, 2008-05-22 - 16:32 Permalink
ezybzy

ร้านนั้นเหมือนได้ยินเสียงวิจารณ์เชิงลบมาถึงคุณภาพในปัจจุบันถ้าเทียบกับเมื่อก่อนนะ

Thu, 2008-05-22 - 16:35 Permalink
kangg (not verified)

แนะนำบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นอีกร้านที่ซอยเอกมัยอยู่ต้น ๆ ซอยด้านซ้ายมือ หน้าร้านมีโคมญี่ปุ่นสีแดง (แหะๆ จำชื่อร้านไม่ได้จริง ๆ)

ถ้าดูจากภายนอกจะออกแนวบรรยากาศมาคุหน่อย ๆ ส่วนเรื่องอาหารผมให้ 3.5/5 ราคาต่อหัวถูกกว่า OISHI เล็กน้อย

Fri, 2008-05-30 - 02:27 Permalink

ตอนนี้ takumi ก็ลดคุณภาพลงมหาศาลแล้วฮะ
เลวร้ายพอพอกับโออิชิแล้ว -_-"
บุฟเฟห์ญี่ปุ่นอร่อยจริงหาไม่ได้แล้ว
คงต้องเลือกกินแบบธรรมดาต่อไป

Fri, 2008-05-30 - 22:02 Permalink
Anonymous (not verified)

ทานบุฟเฟ่ต์ให้คุ้มไม่ใช่ทานตอนท้องว่างนะคะ ยิ่งท้องว่างโหวงไปกินนิ่งกินได้น้อย และอิ่มเร็ว ที่จริงควรทานอะไรรองท้องไปก่อนทานสักชั่วโมงนะค่ะ ขนมปังสักก้อน หรือนมสัดกล่องเพื่อเคลือบกระเพาะ

Thu, 2008-07-17 - 15:22 Permalink
หมูหวาน สราญรมย์ (not verified)

โออิชิ ... ขึ้นราคาอีกแย้ว ....
ปรับแต่ราคา ไม่ปรับคุณภาพ ...
โดยเฉพาะ การบริการ และ อาหาร ...

ลูกค้าก็คงจะเปลี่ยนตัวเลือก
จากโออิชิ ... ไปเป็นร้านอื่น ..

ซึ่งผุดขึ้นมาแข่งขันกัน ... อีกมากมาย

บ๊าย บาย โออิชิ ...
See You Again ...
next life ....

Sat, 2011-10-01 - 15:27 Permalink