Skip to main content

เรื่องเล่าจากย่านอโศก

Submitted by ezybzy on

วันนี้ได้มีโอกาสออกจากบ้านไกล ๆ เสียทีเพื่อนำ iPhone ไปรับบริการเปลี่ยนแบตเตอรี่ หลังจากที่ค้นหาข้อมูลว่ายังมีศูนย์บริการใดบ้างที่ยังเปิดบริการในพื้นที่กรุงเทพมหานครบ้าง ก็พบว่า Copperwired ยังคงให้บริการดังกล่าวที่ศูนย์บริการ iServe ชั่วคราวซึ่งตั้งที่สำนักงานใหญ่บริษัท คือตึกเสริมมิตรที่อโศก จึงนำมาสู่การเดินทางและเรื่องราวข้างทางที่จะเล่าในวันนี้

ผมเดินทางออกจากบ้านและถึงย่านอโศกราว ๆ 9 โมงครึ่ง ซึ่งเร็วกว่าเวลาที่ทำนัดไว้อยู่พอสมควร พอลงจากรถและได้เดินเข้าพื้นที่โถงสำนักงานของอาคารเสริมมิตร สิ่งแรกที่ต้องทำคือการแลกบัตร เนื่องจากศูนย์บริการอยู่ในพื้นที่ของสำนักงานเช่า ขึ้นลิฟต์ไปชั้น 2 ก็ถึงศูนย์บริการ ซึ่งจริง ๆ เขาเปิดบริการตั้งแต่ 9 นาฬิกา (และปิดบริการ 18 นาฬิกา) ตอนที่มาถึงยังไม่มีคิวลูกค้าแต่ iPhone มันแบตหมดไปจึงต้องใช้เวลาปลุกชีพมันขึ้นมาอยู่พักหนึ่ง ซึ่งก็เพียงพอที่จะพบเจอลูกค้ารายถัดไปที่มารอรับบริการ หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องเอกสารซึ่งทางศูนย์แจ้งว่าการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใช้เวลาดำเนินการ 1 ชั่วโมง (ใช่ครับ รอรับกลับได้) แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โรคระบาดในตอนนี้จึงไม่สามารถนั่งรอในร้านได้และด้วยความเคยทำงานอยู่ย่านนี้ (แม้ว่าจะห่างไปแล้วหลายปี) ผมจึงตัดสินใจว่าจะเดินไปซื้อของกินในพื้นที่รอบ ๆ นี้ฆ่าเวลาก่อนจะกลับมารับแล้วกลับบ้าน ซึ่งในช่วงที่รอเอกสารนั้นผมก็ได้พูดคุยกับพนักงาน (ที่ผมดูคลับคล้ายคลับคลาว่าน่าจะมาจากสาขาสยามพารากอนหรือเซ็นทรัลเวิลด์) เกี่ยวกับอาหารการกินแถว ๆ นี้ซึ่งได้รับข้อมูลมาว่าเขาก็ไม่รู้ว่าแถวนี้มีอะไรกิน แต่ผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าของที่ต้องการจะซื้อกลับบ้านน่าจะยังมีให้บริการตามปรกติ

หลังจากออกจากพื้นที่อาคารเสริมมิตร จุดหมายแรกของผมคือ Texas Chicken ข้าง ๆ อาคาร GMM Grammy ซึ่งเป็นระยะเดินประมาณ 5 นาที บรรยากาศรอบข้างเกือบจะ 10 โมงก็ยังไม่ค่อยมีร้านรวงเปิดเท่าไร รวมถึงหลาย ๆ ร้านที่ถูกบังคับให้ต้องเปลี่ยนวิธีดำเนินกิจการ ร้านที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ก็จำต้องละทิ้งกิจการไปอย่างน่าเศร้าดังที่พบได้จากสภาพความเป็นเหมือนตู้กระจกว่างเปล่า จากที่ผ่านตาในจุดนี้นับร้านที่กลายเป็นปล่อยทิ้งพื้นที่ได้ไม่ถึง 5 ร้าน และในที่สุดผมก็เดินถึง Texas Chicken เนื่องจากไม่มีโอกาสได้สั่งอาหารจากยี่ห้อนี้นานมาก (ยี่ห้อนี้ไม่ได้ผูกบริการกับรับส่งอาหารยี่ห้อสีม่วง) ทำให้ใช้เวลาตัดสินใจเลือกเมนูนานพอสมควร แต่ก็พบว่าในร้านก็มี Rider รออยู่ 2-3 รายแล้ว เมนูที่ผมสั่งเรียบง่ายแต่ก็มีเรื่องว่าของที่ทางร้านเตรียมไว้มีไม่พอ ต้องรอผลิตใหม่ราว 5 นาที แต่ก็คุ้มค่ากับการรอ ได้ไก่ทอดและอเมริกันบิสกิตที่อยากกินกลับบ้านสมใจ

ออกจาก Texas Chicken แล้วจุดหมายต่อไปจริง ๆ เป็นจุดหมายที่กะว่าจะนั่งรถไปแล้วกลับบ้านเลย นั่นคือร้าน Bei Otto ซึ่งจำหน่ายอาหารเยอรมันและ Sauerkraut ที่ผมคิดถึงรสชาติของมัน ระยะเดินจาก GMM Grammy ไปซอยสุขุมวิท 20 คือกิโลครึ่ง ซึ่งก็ไม่ถือว่าไกลแม้จะต้องใส่หน้ากากเดิน ผมใช้เส้นทางการเดินโดยผ่านเข้าซอยร่วมใจ ทะลุซอยสุขุมวิท 23 (ประสานมิตร) ออกถนนสุขุมวิทและข้ามถนนไปยังสุขุมวิท 20 ตลอดสองข้างทาง ร้านอาหารกลุ่มที่เป็นร้านเล็ก ๆ แบบนั่งกินก็ยังพอจะขายกันได้ ส่วนร้านบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นที่หลบอยู่ในศูนย์การค้าเล็ก ๆ นั้น เนื่องจากช่วงเวลาที่เดินไปนั้นยังไม่ใช่เวลาเปิดบริการผมจึงไม่เห็นความเคลื่อนไหวในร้านว่าดำเนินการกันอย่างไร

แต่สิ่งที่น่าสนใจจริง ๆ อยู่ในซอยประสานมิตร ซึ่งเป็นซอยที่ YouTuber ชาวแคนาดาชื่อดังเคยอาศัยอยู่และ VLog ให้ดูกลาย ๆ พอไปเห็นบรรยากาศจริงก็ตกใจเพราะมันดูน่าสลดมาก ผมจำแนกร้านในช่วงดังกล่าวออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ กลุ่มร้านนวด, กลุ่มร้านอาหาร, และกลุ่มร้านเหล้า กลุ่มร้านรวดที่ผมพบเห็นจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินการอย่างมาก กลายเป็นร้านขายข้าวไข่เจียว/ดาวหรือกะเพราแทนเสียส่วนใหญ่ ส่วนกลุ่มร้านอาหาร ร้านของคนไทยดูจะปรับตัวได้ดีแม้ว่าบางร้านใหญ่ ๆ จะดูน่าเป็นห่วงในการบริหารต้นทุน แต่ก็พบว่าร้านอาหารที่น่าจะเป็นของคนต่างด้าว (ไม่รู้จะเรียกว่ากะจะมาเกษียณในไทยแล้วทำกินชิว ๆ รึเปล่า?) กลุ่มนี้ผมเดาไม่ออกว่าเขาทำอะไรกันเพราะป้ายอะไรต่าง ๆ ที่เป็นภาษาต่างชาติจึงไม่แน่ใจว่ากลุ่มบริการรับส่งสินค้าจะเข้าถึงร้านได้แค่ใด ส่วนสุดท้ายกลุ่มร้านเหล้า ผมพบว่าอาการหนักสุดเพราะดูไม่เห็นสัญญาณการประกอบกิจการเลย (ผมอาจจะมาผิดเวลาก็ได้)

ผมใช้เวลาน่าจะเกือบ 20 นาทีจึงถึงร้าน Bei Otto แล้วก็ได้ของกลับมาตามที่ต้องการ ในระหว่างรออาหารนั้น ผมพบว่าในร้านก็มีคนเดินเข้าออกตลอดเวลา ไม่แน่ใจว่าเป็นผู้ถือหุ้นของร้านหรือว่าเป็นผู้รับเหมามาปรับปรุงร้าน เนื่องจากบรรยากาศที่เห็นในร้านพบว่า แม้จะถูกบังคับให้เปลี่ยนรูปแบบการประกอบการ แต่ก็มีการปรับปรุงบางพื้นที่ในร้านบ้าง ทำให้เห็นว่าร้านก็คงพอจะมีความหวังในอนาคตบ้าง (มั้ง?) และช่วงนาทีสองนาทีก่อนจะได้อาหาร ผมเห็นเชฟ (ที่เคยเห็นในรายการแนะนำร้านอาหารที่ออกอากาศในเยอรมนีที่มาถ่ายทำร้านนี้) มายืนนอกครัว ไม่แน่ใจว่ามายืนดูลูกค้าหรือมาพักนะ แต่ก็แอบคิดว่าเขาคงมาดูมั้งว่าใครสั่งของกินแปลก ๆ เวลานี้ (ฮา)

หลังจากนั้นก็ใช้เวลาเดินกลับไปยัง iServe อีกเกือบ 20 นาที (มีแวะ Starbucks ตรงตึก Jasmine City) ก็ทันเวลารับเครื่องพอดีซึ่งในขณะนั้นก็พบคนที่ผมคิดว่าเป็นลูกค้าอีกท่านนะ (ใส่เสื้อดำ ๆ ข้อความให้มันจบที่รุ่นเรา) ตอนระหว่างรอขั้นตอนรอใบเสร็จหลังจากชำระค่าบริการ ลูกค้าคนดังกล่าวก็คงเห็นผมหิ้วถุงของกินพะรุงพะรังมาแล้วก็สะดุดกับถุง Texas Chicken ของผม จึงเอ่ยปากถามว่า

แถวนี้มี Texas Chicken ด้วยเหรอ?

ซึ่งผมก็ตอบไปอย่างเต็มใจว่า

มีครับ อยู่แถว ๆ ตึก Grammy นั่นแหละ

ด้วยความหวังว่าพนักงานที่อยู่ในร้านขณะนั้นอาจจะได้ไอเดียของกินมื้อถัด ๆ ไปเพิ่มมาอีกซักร้าน ผมมองว่าทาง Copperwired เองก็ต้องพยายามต่อสู้ทางธุรกิจหางานให้พนักงานทำด้วยเช่นกัน จึงได้ริเริ่มในการเปิด Pop-up store ของทั้ง iServe และ iStudio ที่นี่ แม้ว่าการเข้าถึงจะทำได้ค่อนข้างลำบากก็ตาม การที่พนักงานถูกวนให้มาทำงานในต่างที่เรื่องปัญหาอาหารการกินก็เป็นเรื่องหลัก ๆ ที่อาจจะบั่นทอนกำลังใจในการทำงานได้ การที่รู้ว่ามีของใหม่ ๆ ให้ลองน่าจะเสริมกำลังใจให้กับพวกเขาได้บ้าง

ก็จบไปแล้วสำหรับเรื่องเล่าจากย่านอโศกที่ผมได้ไปพบเจอท่ามกลางบรรยากาศพื้นที่สีแดงเข้มในวันนี้ ขอให้ผู้ที่ยังได้มาอ่านอยู่ยังคงมีกำลังต่อสู้ต่อไปนะครับ

Tags