Recent blog posts

อันนี้ผมเดาเล่นๆ ว่ามันน่าจะเป็นแบบนี้

• Core i7-660LM 2.27 GHz ราคา $346 (รุ่นพร้อมรวมการ์ดจอและ North Bridge) สำหรับตัวท็อป ไม่น่าใช้ ULV แต่ใช้แค่ LV และไม่น่าจะใช้ Core i7-740QM 1.73 GHz ราคา $378 (รุ่นไม่มีการ์ดจอ, North Bridge)
• มีการ์ดจอ NVIDIA ซักตัวที่ประสิทธิภาพไม่ด้อยกว่า GeForce 320M เพราะ Intel มันไม่น่าจะพอ แต่ก็นึกไม่ออกว่าบอร์ดมันจะใหญ่ขนาดไหนนะ แต่คงต้องให้อยู่ในขนาดแท่งดินสอมาตรฐานให้ได้ ซึ่งตอนนี้ก็คาดว่า MacBook Air ก็ยังคงขนาดบอร์ดที่เล็กที่สุดของ Apple
• มีฮาร์ดดิสก์เป็น Array of Flashes ไม่ใช่ SSD โดยน่าจะยืนความจุ 128 GB ไว้ได้ด้วยราคาต้นทุน $375
• อาจจะไม่มีแป้นพิมพ์ปุ่มกดก็ได้ แต่ไม่แน่ใจว่าจะถึงขั้นจอสัมผัสหรือไม่ อาจจะเหลือแค่แป้นพิมพ์ระบบสัมผัสกับ Glass Trackpad แทน ตรงนี้ไม่น่าจะแพงมากตีไป $100 แล้วกัน
• จอเล็กลง ราคาจอตีไปประมาณ $500
• หน่วยความจำ 2 GB คงไม่พอแล้วมั้ง น่าจะ 4 GB ได้เสียทีนะ แล้วก็ล็อคตามเช่นเดิม ตรงนี้ตีว่าน่าจะไม่เกิน $100
• แบตเตอรี่ก็น่าจะอึดได้อีกนะ 8 ชั่วโมงแล้วกัน ตรงนี้คิดว่าน่าจะไม่เกิน $100 เช่นกัน
• ช่องต่อพ่วงคงจำกัดเช่นเดิม อาจจะใจดีหน่อยที่มี USB เพิ่มให้อีกรู แต่ก็หวังว่าช่อง Audio out จะมีพัฒนาการเป็น Optical In/Out ได้ด้วยในตัว ของเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ไม่น่าเกิน $50 นะ

ถ้า Apple ต้องการยืนราคาที่ระดับเดิมคือ $1499 และ $1799 ก็คิดว่าสเปคประมาณนี้น่าจะทำได้ ราคาที่แสดงข้างต้นเป็นราคาที่พอจะหาได้จากหน้าเว็บหลายๆ แห่ง คาดว่าต้นทุนจริงๆ น่าจะต่ำกว่าตัวเลขที่แสดงนี้

เปิดอ่าน macstories.net แล้วไปเจอบทความหนึ่งพอมาลองใช้งานดูจริงพบว่าใช้ได้เลย มีความรู้สึกดีราวกับใช้ Google Sync บน iPhone เลยทีเดียว

อ่านวิธีติดตั้งได้ที่นี่

เนื่องจาก Apple ได้ทำการเปลี่ยนระบบ Backup ของ mdhelper ไปแล้ว โดยเอาไฟล์ .mdinfo ออกแล้วก็เอานามสกุลไฟล์ .mddata ออกจากไฟล์ดั้งเดิม ทำให้เป็นเรื่องวุ่นวายในการตามไปแก้ไขไฟล์เดิมเพื่อจับ Restore กลับเข้าไปใน iPhone แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำอะไรกับมันไม่ได้

ถ้ายังจำโครงสร้างเดิม ๆ ได้ ไฟล์เดิม ๆ เราก็สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีเดิมๆ แล้วปล่อยให้ iTunes จัดการ Restore กลับเข้าเครื่องได้เช่นเดิม ลองมาดูชื่อไฟล์ที่น่าสนใจกันว่ามีอะไรบ้าง

ลงท้ายด้วย TH แปลว่าเป็นสินค้าที่ผลิตมาเพื่อวางจำหน่ายในประเทศไทยเป็นการเฉพาะ ปัจจุบันคือคอมพิวเตอร์ทุกรุ่นยกเว้น Mac mini และรวมถึง iPhone

ลงท้ายด้วย ZP แปลว่าเป็นสินค้าที่ผลิตมาเพื่อวางจำหน่ายในสิงคโปร์, ฮ่องกง, มาเลเซียและประเทศในภูมิภาคนี้ อิงมาตรฐานอาณานิคมของอังกฤษเป็นหลัก ซึ่งคอมพิวเตอร์ในเวียดนามก็ดันใช้ Part นี้ด้วย

ลงท้ายด้วย ZA แปลว่าเป็นสินค้าที่ผลิตมาเพื่อวางจำหน่ายในอินโดนีเซีย ปัจจุบันคือคอมพิวเตอร์ทุกรุ่นยกเว้น Mac mini (ไม่มีข้อมูล iPhone)

เห็นกระทู้หนึ่งในเว็บเกี่ยวกับมือถือที่คุยเกี่ยวกับ iPhone ก็เห็นลูกค้าคนหนึ่งโวยวายเรียกเครื่องเคลมว่า Refurbished โดยที่ไม่ยอมรับฟังพนักงานของค่ายมือถือเลยว่ามันไม่ใช่ ก็เลยคิดว่าเราน่าจะมาทำความเข้าใจคำที่เกี่ยวข้องกับคำนี้กันหน่อย นั่นก็คือ Refurbished Unit และ Replacement Unit

เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มี iPad วางขายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ทำให้ยังไม่มี Carrier Bundle ของผู้ให้บริการเครือข่ายของประเทศไทยอยู่ใน iOS ของ iPad เลย

แต่เนื่องจากผู้ให้บริการเครือข่ายในประเทศไทย ไม่ได้แยกค่า APN ใน Cellular Data เป็นการเฉพาะ ทำให้เราสามารถนำไฟล์ IPCC ไฟล์เดิมที่ใช้งานได้ของ iPhone มาใช้ได้ทันที

การนำไฟล์ IPCC มาโพสอาจจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ผลงานของ Apple ผมจึงขอเลี่ยงเป็นสอนวิธีทำแทน โดยมีข้อสังเกตดังนี้คือ ให้ใช้ไฟล์ IPCC ให้ตรงกับรุ่น iOS

• ไฟล์ IPCC ของ iOS 3.1 (มี signature ในส่วนของ apn แต่ละค่า) ใช้กับ iOS 3.2 ได้เท่านั้น
• ไฟล์ IPCC ของ iOS 4 (มี signature ในลูกของ Root Node) ใช้กับ iOS 3.2, 4.2 ได้ (สามารถดาวน์โหลด IPCC ของ AIS ได้จาก Apple เลย)

อาจมีคำถามว่าแล้วจะหาไฟล์ IPCC ได้จากที่ใด? โหลดได้จาก Apple หรือไม่ก็แกะเอามาจาก Firmware เลย แต่แกะแล้วต้องนำมาสร้างเป็นไฟล์ .IPCC เอง (หากไม่ได้ Jailbreak เครื่อง) ส่วนวิธีทำก็ง่ายๆ เพียงแค่เอา .bundle ของค่ายที่ต้องการที่อยู่ใน /System/Library/Carrier Bundles/ มาใช้ได้เลยโดยทำการสร้าง Directory ชื่อ Payload แล้วนำไฟล์ .bundle ไปวางไว้ในนั้น แล้วจึงทำการ zip ทั้ง Directory Payload เป็นไฟล์นามสกุล .ipcc แล้วจึงนำไปติดตั้งลง iTunes ได้เลย (ไม่สอนวิธีทำต่อนะ)