เอนทรีที่แล้วเขียนด้วยความโศกเศร้าของการจากไปของพอร์ตสำคัญที่ทำให้ผมใช้ Mac ได้อย่างเชิดหน้าชูตาชาวบ้านเขา ก็คือพอร์ต Firewire 400
ถ้าเปรียบเทียบการจากไปของพอร์ต Firewire 400 ก็คงเหมือนกับการที่ Apple เป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายแรก ๆ ที่ตัด Floppy Disk ออกไปจากตัวเครื่อง ก็คงเหมือนกับการที่ Apple เป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายแรกๆ อีกเช่นกันที่ตัด 56Kbps V.92 Modem ออกไปจากเครื่อง (ตั้งแต่รุ่น Mac mini ที่เริ่มเห็นเป็น BTO, iMac รุ่นมี iSight, MacBook Pro รุ่นแรก, MacBook รุ่นแรก) ในช่วงแรกหลังจากที่เกิดการจากไป ย่อมมีเสียงโวยวายไม่พอใจเกิดขึ้นกันบ้าง (ผมก็โวยวายนะ เอ้าแล้วมันจะใช้อย่างไรวะ?) แต่พอเมื่อเวลาผ่านไปเราก็จะลืมมันไปเอง แล้วก็จะหาทางปรับตัวสู่สภาพที่ไม่มีมันได้ Firewire 400 ก็คงเป็นอดีตไปแล้วสำหรับผลิตภัณฑ์ของ Apple ในภายภาคหน้า (แต่ 800 ก็ยังอยู่ แล้วก็สามารถใช้ทดแทน 400 ได้โดยผ่านตัวแปลง)
แล้วอะไรคือการจากไปของ MacBook และการกลับมาของ MacBook (Pro) 13 นิ้วล่ะ? เป็นเรื่องตลกร้ายอยู่เรื่องหนึ่ง ตอนที่ MacBook Pro ถูกผลิตออกมาจนถึงการประกาศเปิดตัว MacBook Pro ขนาด 17 นิ้ว และมีการเปิดตัว MacBook ขนาด 13 นิ้ว Steve ได้กล่าวไว้ว่า “Complete Family” ก็คือจะไม่มี MacBook Pro 13 นิ้วแล้ว แต่ในครั้งนี้ Steve พยายามกล่าวเน้นในช่วง One more thing ถึงตัว MacBook ว่า (ถอดใจความเป็นภาษาไทยแล้ว)
“ด้วยฟีเจอร์เหล่านี้ (สามคุณสมบัติที่ยกขึ้นมา) คุณต้องจ่ายเงินถึง $1999 เพื่อจะได้มันมา แต่วันนี้ ฟีเจอร์เหล่านี้อยู่ใน MacBook แล้ว ด้วยราคาที่จ่ายได้ง่ายกว่าถึง $700”
ถ้าคิดให้ดีการที่
- เปลี่ยน MacBook จากพลาสติกเป็น Aluminum (จริง ๆ มันก็ยังมีรุ่นพลาสติกขายอยู่เช่นเดิม)
- ใช้การ์ดประมวลผลกราฟฟิกแบบเดียวกับที่ใช้ใน MacBook Pro (อย่างน้อย MacBook Pro มันก็ใช้ NVIDIA 9400M)
- เปลี่ยนหน้าจอมาใช้หน้าจอที่ให้แสงโดย LED
นี่มันคือฟีเจอร์เครื่องโปร (ตามที่ Steve พยายามจะยกมาเป็นข้ออ้างเพื่อความชอบธรรม)
ถ้าจำได้ PowerBook ขนาด 12 นิ้ว มีการ
- ใช้การ์ดประมวลผลกราฟฟิกที่ต่างจาก iBook (แต่ถ้าเทียบประสิทธิภาพจริงๆ ตัว iBook น่าจะดีกว่า แต่แพ้ที่หน่วยความจำบนการ์ด)
- วางอุปกรณ์ภายในเป็นกึ่งๆ iBook และ PowerBook รุ่นใหญ่ (แต่แกะประกอบง่ายเหมือน PowerBook)
- ใช้ Mini DVI ทำให้สามารถแสดงผลบนจอนอกแบบ Extended ได้ เหมือน PowerBook รุ่นใหญ่ (iBook ต้องใช้ซอฟท์แวร์แก้เอา)
- ใช้คีย์บอร์ดโลหะแบบเดียวกัน (แต่ไม่เรืองแสง)
และราคาก็ค่อนข้างไล่เลี่ยกับกลุ่ม PowerBook รุ่นใหญ่ คือ $1699, $1999, $2499 เปรียบเทียบกับ iBook ที่อยู่ในช่วงราคา $999, $1299
ลองคิดในมุมที่ว่า Steve พยายามจะยก MacBook รุ่นใหม่ให้เป็น MacBook Pro ขนาด 13 นิ้ว ก็จะพบว่าเป็นไปได้ เพราะหน้าตาก็คล้ายๆ MacBook Pro โครงสร้างภายในก็แทบจะเหมือนๆ กัน (ต่างกันที่ไม่มี Firewire/Express card คล้าย ๆ กับ PowerBook ถ้าเราคิดว่า Firewire ก็เหมือนกับ Modem ที่หายไป) ใช้การต่อจอนอกที่เหมือนกัน ไม่มีอุปกรณ์แถมเหมือนกัน คีย์บอร์ดเหมือนกันอีก (แถมบางรุ่นเรืองแสงได้เหมือนกันด้วย!)
มองไปที่ราคาที่ผมยกมา สมมติบรรทัดฐานของเราคือ MacBook Pro ต้องมีคีย์บอร์ดเรืองแสงและมีประสิทธิภาพที่พอฟัดพอเหวียง (ไม่เบาหวิวแบบ Air) จะพบว่ารุ่นราคา $1599 ที่มีความเร็ว CPU เท่ากับ MacBook Pro ตัว $1999 แถมให้หน่วยความจำขนาดเท่ากันมาอีก นี่มันคือ MacBook Pro ขนาด 13 นิ้วชัด ๆ แถมยังทำราคาออกมาได้ถูกกว่ายุคสมัย PowerBook ขนาด 12 นิ้วอีกต่างหาก
คิดได้เช่นนี้ อาจจะทำให้รู้สึกดีในการตัดสินใจเปลี่ยนเครื่องก็เป็นได้ จริงไหม? (แต่ผมก็รอดูดีกว่า เพราะราคาประกาศของผลิตภัณฑ์ตัวใหม่นี่เห็นแล้วก็แทบลมจับเหมือนกัน)